การ Work from Home อาจเป็นความฝันของใครหลายคน แต่หัวใจสำคัญของมันคือการต้องรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้ Productive และรักษาวินัยของตัวเองเอาไว้ให้ใกล้เคียงกับวันที่ต้องนั่งโต๊ะทำงานในออฟฟิศ
ปล่อยไว้แบบนี้คุณอาจเผชิญ “Burnout Syndrome” หรือ “ภาวะหมดไฟในการทำงาน” เอาได้ง่ายๆ
ก่อนการเกลือกกลิ้งพิมพ์งานบนเตียง และการ (แอบ) ท่อง Netflix จะทำให้คุณกลายเป็นมนุษย์ขี้เกียจโดยสมบูรณ์ มาสำรวจสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังหมดไฟในการทำงาน เพราะการ Work Form Home กันเถอะ
เช็ก 7 สัญญาณหมดไฟในช่วง Work from Home
1. พบว่าตัวเองทำงานตลอดเวลา
การทำงานจากที่บ้านทำให้คุณแยกชีวิตการทำงาน กับชีวิตและเวลาอิสระที่บ้านแทบไม่ออก บ่อยครั้งคุณจึงรู้สึกเหนื่อยล้าจากการนั่งๆ นอนๆ จมอยู่กับกองงานทั้งวัน ต้องหันมาแบ่งเวลาพักให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงหากิจกรรมรีแลกซ์ง่ายๆ ทำระหว่างวันทำงานบ้าง
2. เริ่มมีพฤติกรรมผัดวันประกันพรุ่งมากกว่าที่เคย
ชิลๆ อยู่บ้าน และจะลุกขึ้นมาปั่นงานก็ต่อเมื่อเห็นประโยชน์หรือผลลัพธ์จากการทำงานเท่านั้น ช่วงนี้ใครเป็นแบบนี้บ้าง ระวังหมดไฟในการทำงานเพราะพิษ WFH ลองปรับพฤติกรรมด้วยการบังคับให้ตัวเองทำงานให้สำเร็จอย่างน้อย 1 ชิ้นทุกวัน แม้จะเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม จะช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจได้ดี
3. รู้สึกเหมือนไม่มีใครเป็นที่พึ่ง
การทำงานในบรรยากาศออฟฟิศ ได้พบปะผู้คน พบปะเพื่อนร่วมงาน คือการแลกเปลี่ยนพลังงานและความคิดระหว่างคน-คน และเวลาเกิดเรื่องแย่หรือต้องการที่ปรึกษา คุณอาจเคยชินกับการหันไปหาเพื่อนๆ พี่ๆ โต๊ะถัดไป แต่เมื่อต้อง WFH บรรยากาศเหล่านั้นกลับหายไป หากไม่เรียนรู้ที่จะปรับตัว ใช้วิธีการสื่อสารทางไกล นัดเวลาวิดีโอคอลร่วมกัน และมองหาข้อดีของการทำงานคนเดียว อาจทำให้คุณมีสมาธิมากขึ้น เพราะหากเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวแบบนี้บ่อยๆ อาจทำให้คุณเฉาลงทุกวันได้นะ
4. เอาแต่ห่วงว่าฉันทำมากพอหรือยัง
ตอนอยู่ออฟฟิศ บางคนชอบความรู้สึกตอนที่ได้เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เช่น รู้สึกดีที่ฉันมาทำงานก่อนกลับทีหลัง ทั้งที่ความเป็นจริงระยะเวลาในออฟฟิศไม่ได้การันตีว่าคุณทำงานได้มากกว่าเลย พอเปลี่ยนโหมดมา WFH ซึ่งไม่มีใครให้เปรียบเทียบ คุณจึงพลอยกังวลว่าตัวเองจะทำงานได้ไม่ดีพอ กลัวคนอื่นทำได้ดีกว่า ปัญหานี้แก้ได้ด้วยการจัดระเบียบตารางงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แล้วทำมันให้สำเร็จ
5. เช็กอีเมลที่ใช้ทำงานบ่อยเกินไป
หยุดพฤติกรรมชอบกดรีเฟรชกล่องอีเมลรับงานแบบทั้งวันทั้งคืนเอาไว้ก่อน เพราะมันทำให้คุณกลายเป็นคนขี้กังวล และรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานตลอดเวลา หากไม่อยากพลาดการอัพเดต task งานประจำวัน ลองกำหนดตารางเวลาในการเข้าเช็กอีเมลให้เป็นระบบ จะช่วยให้คุณ WFH ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
6. ไม่ค่อยสนใจการประชุมออนไลน์
เป็นหน้าที่ของผู้ควบคุมการประชุมและผู้ร่วมประชุมที่ต้องเอาใจใส่เนื้อหาในการประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ หากปล่อยให้ตัวเองสมาธิหลุดบ่อยๆ หรือถูกกิจกรรมอื่นดึงความสนใจออกไป ในระยะยาวพฤติกรรมนี้จะกระตุ้นให้คุณคิดว่า การทำงานที่บ้านเป็นเรื่องเบื่อหน่าย
7. ไม่สนใจเรื่องวุฒิภาวะในการทำงาน
ภารกิจ WFH เปิดช่องโหว่ให้คุณเถลไถลได้บ่อยๆ การทิ้งวินัยในการทำงานแบบผู้ใหญ่จึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ เช่น แอบเล่นเกมจนติดลม อะลุ่มอล่วยให้ตัวเองทำงานได้ชิลยิ่งขึ้น ปล่อยปละเลยเรื่องเดดไลน์ ฯลฯ พฤติกรรมเหล่านี้หากปล่อยไว้มันจะสร้างนิสัยขี้เกียจ ทำให้คุณมีวิธีทำงานแบบดินพอกหางหมู และอาจทำให้คุณเห็นคุณค่าของงานและตัวเองน้อยลง